• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่ประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าคนนายคนชอบคิดแบบงี้

Started by Jenny937, April 05, 2023, 12:18:33 PM

Previous topic - Next topic

Jenny937

ในช่วงเวลาที่ยังเป็นนักเรียน คนจำนวนไม่น้อยต่างเชื่อเสมอว่าหากได้ตั้งอกตั้งใจเรียน สอบติดภาควิชาที่ใช่

ยิ่งได้โอกาสได้งานที่ดี ค่าตอบแทนรายเดือนที่ดี และยิ่งเป็นอาชีพที่คนใดกันแน่ก็รู้จักได้แก่ ข้าราชการ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภูมิใจไปใหญ่ เพราะว่านอกเหนือจากค่าตอบแทนรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีจำนวนมากพอที่จะอุดหนุน


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้สุขสบายยังเป็นอาชีพที่ถือว่า "มีหน้ามีตา" คนใดกันแน่ก็ต้อนรับกันหมด

แม้กระนั้นในโลกของความจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม มิได้เหมาะสมกับทุกคนเสมอ

แล้วก็ในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการกำหนดอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ค่อนข้างจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะอะไร หากในที่สุดก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ เงินเดือนที่มิได้มากไม่น้อยเลยทีเดียวอะไร ?"

ปริศนานี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากมายเลย เนื่องจากมันเต็มไปด้วยความหวังที่รู้สึกว่า

"พวกเรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ถ้าลองกลายเป็นความคิด "ฉันดำเนินงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันบางทีอาจมองประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แม้กระนั้นถ้าเกิดคิดๆดูแล้ว มันรู้เรื่องเพลิดเพลินใจ เยอะแยะกว่าการตั้งคำถามแบบแรกเนื่องจากว่าความจริงของชีวิตคือ

1. มนุษย์ทุกคนมีความสามารถในตัวเอง "ผิดแผก" กันไปเราไม่จำเป็นต้องเก่งแบบเดียวกันหมด

2. ในรั้วสถานศึกษา- ม ห า วิ ท ย า ลั ยต่อให้เราได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งขนาดไหน

ขอบเขตวิชาความรู้มันก็เป็นเพียงแต่ความรู้ในรั้วเพียงแค่นั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น เรายังจะต้องทราบเรื่องอีกมากมาย

ศึกษากันอีก ย า ว ลองผิดลองถูกกันอีกเยอะแยะโดยเหตุนี้ จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จะต้องดำเนินงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาจำเป็นต้องปฏิบัติงานสายภาษา มันก็ผิดเสมอ

3. มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เราจำเป็นที่จะต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

เบาๆเรียนรู้ เบาๆปรับตัวไป สิ่งที่พวกเรากำลังสนุกเวลานี้ อาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่พวกเราเก่งในเวลานี้ ในภายภาคหน้า มันอาจเป็นเพียงแต่ความทรงจำ

เนื่องจากอาจมีหลายสาเหตุให้คิดมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น จึงควรพับโครงงานศึกษาต่อเอาไว้

เพราะเงินไม่พอจำต้องทำงานหาเงินก่อน แล้วค่อยไปเรียนศิลป์ที่เราชอบ ...

เราจะต้องมองจังหวะของชีวิตด้วย (สิ่งที่จำเป็นของชีวิตแต่ละตอน


4. สิ่งที่พวกเราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันเป็น "การหล่อหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนเราทางตรง แต่ให้เราเบาๆดูดซับข้อดีแม้กระนั้นอย่างไปเอง เป็นต้นว่า ฝึกฝนความอดทน, ฝึกความละเอียดอ่อน,

ฝึกทักษะการเข้าสังคมในกาลครั้งหนึ่งที่พวกเรามองไม่เห็นประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง พอโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ควรมีบ้างล่ะที่พวกเรานึกอะไรขึ้นมาจนจำต้องไปหา อ่ า น ปัดฝุ่นหนังสือเรียนอีกที

ทุกวิชาความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยสูญเปล่า เพียงแค่เราไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกถึงให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราจะต้องมีหนทางให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตนเองจนกระทั่งเกินความจำเป็น ดังเช่นว่า หากวุฒิที่เราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำกว่านี้หางานไปก่อน?

ถ้าพวกเราไม่ได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่ควรเป็นสิ่งที่ได้ดั่งดวงใจในทันทีทันใดมันเป็นเรื่องธรรมดามากๆที่จำต้องแลกเปลี่ยนกับความเหน็ดเหนื่อย

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดถ้าหากจะพบว่าเพราะเหตุใด ห ม อ

บางคนถึงแต่งเพลงได้?

เพราะเหตุใดบางบุคคลเรียนวิชาชีพแม้กระนั้นมาเป็นนักแสดง?

เพราะเหตุใดบางบุคคลเรียนไม่จบแต่ว่าบรรลุเป้าหมาย?

ถ้าหากยังไม่เข้าในข้อนี้ ทดลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกครั้งขึ้นชื่อว่า "วิชาความรู้" เราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีก็ไม่สมควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้สึกตัวดีหรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่?" และ

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกเหตุการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกเรากลม รวมทั้งมีหลายมิติ ใช่ว่าจำเป็นจะต้องมองดูเพียงแต่ด้านเดียว
ข้อคิดชีวิต
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/