การ เนรคุณคน ไม่เคยทำให้คนใดกันได้ดิบได้ดี

[Cindy700]

คนที่เข้ามาหาคุณนั้น มีหลายแบบ พวกเราควรรู้จักแยกให้ออก

บ้างก็ความจริง บ้างก็แค่ละคร ให้ดูน่าสงส าร

บางโอกาสคุณยื่นมือเข้าไปช่วย แทนที่จะได้รับสิ่งที่ดีคืนมา กลายเป็นความซ ว ย

แต่ว่าคุณเชื่อเหอะ ถ้าหากเขาไม่ทราบพระคุณ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น ไม่เจริญก้าวหน้าหรอก

ชีวิตเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ ดี เหมือนจะราบรื่นแต่ว่าก็ไม่ราบรื่น


ล้ ม ลุกล้มลุกคลุกคลานอยู่ที่เดิม สุดท้ายก็พั ง ไม่เป็นท่า

โดยที่คุณไม่ต้องทำอะไร ทำสิ่งใด ไม่ต้องทวงบุญคุณ

เหมาะสมที่สุดคือ เลิกคบ ออกไปให้ไกลจากชีวิตเขา

คนเราจะอยู่ตามลำพังคนเดียวตามลำพั ง มิได้ จะต้องพึ่งพาอาศัยกัน

ทั้งในด้านกำลังกาย กำลังความนึกคิด และก็อื่นๆ

ถ้าได้รับอุปการะจากคนใดกัน ก็เรียกผู้นั้นว่า ผู้มีพระคุณหรือผู้มีบุญคุณ

คนไหนกันแน่ช่วยเหลือให้ชุบเลี้ยงแก่เรา ก็ไม่ควรจะลืมบุญคุณของคนนั้น


ผู้ไม่ลืมเลือนอุปถัมภ์ที่ผู้อื่นมีแก่ตน ย่อมเป็นผู้เจริญด้วย ลาภขั้นสรเสริญ ความเป็นมิตร


แต่ว่าคนใดกันไม่สำนึกในบุญคุณของคนอื่น หรือดูถูกเหยียดหยามบุญคุณของผู้มีเลี้ยงดูของตน

ผู้นั้นจะเป็นผู้ ต่ำ ต้ อ ย ทำความดีไม่ขึ้น เป็นคน อ า ภั พ

แม้จะพย าย ามขวนขวายยังไง ก็ชอบ ล้ ม เ ห ล ว หมดรูปอย่างเดิม

การดูถูกเหยียดหยามบุญคุณของผู้มีพระคุณ เขาเรียกว่า การ เ น รคุณ

การ เ น ร คุณเป็นตัว ก า ล กิ ณี จะคอยดึงให้คนเ น ร ลุก ณ ต ก ต่ำ

ไม่มีช่องทาง ที่จะสุขสบายได้ในชีวิตได้เลย

เนื่องจากไม่มีความรู้บุญคุณคน ปราศจากความเป็นพหูสูตรคุณคน

ต้องคิดให้ได้เหอะ เมื่อคิดได้แล้ว เปลี่ยนแปลงนิสัยตนเอง ได้ชดเชยตามความเหมาะสมแล้ว

ชีวิตก็จะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยตามปัจจัยต่างๆที่ควรเป็น

กตัญญูรู้คุณคนแล้วทดแทน นี่แหละ เครื่องหมายของคนดี
เนรคุณ
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13590/